สรุปเนื้อหา One Person Business Model Workshop ครั้งแรกในไทย

เริ่มต้นทำ One-Person Business ของตัวเองกับ Workshop ครั้งแรกในประเทศไทยจากงาน Mission To The Moon Forum 2023

สรุปเนื้อหา One Person Business Model Workshop ครั้งแรกในไทย
น้องพลอยในงาน One-Person Business Model Workshop

วันเสาร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค. 2566) แอดกับน้องพลอย Anunyapalearn ไปจัด One-Person Business Model Workshop ที่งาน Mission To The Moon Forum 2023

มหกรรมงานอัพสกิลสุดยิ่งใหญ่สำหรับคนวัยทำงานที่สามย่านมิตรทาวน์ มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1,500 คน บัตร workshop ขายหมดไวมาก ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่มาเจอกันในงานมากๆเลยครับ

Mission to the moon forum 2023 ยิ่งใหญ่มาก อยากไปอีก 555+

จุดเริ่มต้นของ Workshop

พี่อั้ม Supakorn Strategic Director ของทีม Mission ทักมาชวนไปจัด workshop แล้วก็ทักมาในช่วงที่เราอินเรื่อง one-person business พอดี

เลยเสนอเรื่องนี้ไป พี่อั้มก็ตอบตกลงเลย ไม่ทักท้วงใดๆ 555+ แล้วอยู่ดีๆหน้าน้องพลอย Anunya ก็ลอยมา คิดว่าถ้าได้จัด workshop สอนกับน้องพลอยน่าจะสนุกมากๆ

น้องพลอยเป็น founding member ของ NocNoc มีทักษะ product management (PM) ที่แข็งแกร่งมากๆ และตอนนี้กลายร่างมาเป็น creator ที่มีผู้ติดตามบน Tik Tok จะแตะสามแสนคนแล้ว

เราสองคนมีความเชื่อเหมือนกันว่า content คือปัจจัยสำคัญในการสร้างธุรกิจในยุคนี้

ตัวแอดจะถนัดงานเขียนมากกว่า ส่วนน้องพลอยจะถนัดงานวีดีโอ workshop นี้เราพยายามจะแชร์ไอเดียการทำ contents ทั้งสองรูปแบบให้กับนักเรียนในคลาส เน้นที่ why + what + how

  • Why เราสร้างธุรกิจนี้ขึ้นมาเพื่ออะไร
  • What เราจะสร้าง solution อะไร แก้ pain point อะไรให้กับใคร
  • How เราจะสื่อสารและนำเสนอไอเดียของเราอย่างไร

ตอนเตรียมงานคือเรามีเวลากันเกือบๆสองเดือน คุยกันว่าจะเริ่มทำ slide ตั้งแต่เนิ่นๆ

เตรียมสอน workshop แล้ว บนเวที หนาวมาก 555+

🔥 แต่เมื่อคนชอบเผางานสองคนมาเจอกันนั้น เราก็ทำงานกันคืนสุดท้าย 555+

นั่งเผาสไลด์กันแบบเสร็จในหนึ่งคืน amazing รอบแรกเราไปซ้อมสอนให้กับทีมงาน Mission To The Moon โดยรวม feedback โอเคเลย มีการปรับสไลด์และเนื้อหาการสอนอีกนิดหน่อย

ความท้าทายของ workshop นี้คือ "เวลา" ที่เราได้มามันน้อยมากๆ 1.5 ชั่วโมงต้องเล่าการสร้าง one-person business ตั้งแต่ 0-100 หันไปมองหน้าน้องพลอย คิดตรงกันว่า "ยากจัง" 555+

เราเลยต้องตัดเนื้อหาสำคัญออกไปหลายส่วน prioritize และเก็บไว้เฉพาะเรื่องที่คิดว่าทุกคนควรรู้เป็น foundation ในการสร้างธุรกิจแบบ one-person ให้แข็งแกร่ง

ขนาดตัดไปเยอะแล้ว สไลด์ที่ส่งให้ทีมงานยังมีความหนาเกิน 100+ หน้า 🤣

10 เรื่องสำคัญของการสร้างธุรกิจแบบ One-Person

สรุป 10 ไอเดียสำคัญจาก One-Person Business Workshop

[1] Dan Koe บอกว่าสิ่งที่อยู่กั้นระหว่างตัวเราวันนี้กับสิ่งที่เราอยากได้หรืออยากเป็นคือ skill ถ้าอยากหาเงินได้เยอะๆ ก็ต้องเรียนรู้ และเก่งขึ้นทุกวัน

💡
เราต้องการของแค่สามอย่าง idea + internet + laptop (หรือ smartphone หนึ่งเครื่อง) เพื่อจะเริ่มสร้างธุรกิจของตัวเอง

[2] สร้าง traffic/ distribution แล้วค่อยสร้างสิ่งอื่นๆทีหลัง เราอยู่ในยุคที่ distribution is freedom ยิ่งใครมีช่องทางในการกระจาย content มีเว็บไซต์ที่มี organic traffic เข้ามาไม่ขาดสาย มีผู้ติดตาม followers เยอะขึ้นเรื่อยๆ นี่คืออิสรภาพที่แท้จริงในยุคนี้เลย

Build distribution, then build whatever you want. @jackbutcher

[3] จะสร้าง traffic ได้ ก็ต้องมี value content ส่งมอบคุณค่าบางอย่างให้กับผู้ติดตามของเรา Dan Koe บอกว่าสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมองหาสามารถจับกลุ่มใหญ่ๆได้ 4 เรื่อง คือ

  • Health
  • Wealth
  • Relationship
  • Happiness

ถ้าเราสามารถสร้าง content ที่ตอบโจทย์เรื่องใดเรื่องหนึ่งใน 4 eternal markets ด้านบนได้ แปลว่าเรามาถูกทางแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง distribution ให้กับสิ่งที่เราจะทำในอนาคต

[4] หา Domain of Mastery ของตัวเองให้เจอ เลือกสามทักษะหรือความสนใจที่เราอยากจะพัฒนาให้เก่งขึ้น เลือกเรียน skills ที่ทำให้เราตื่นเต้น ช่วยสร้างรายได้ และทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น

  • Excite You ทักษะหรือเรื่องที่เราสนใจ
  • Make Money
  • Development
💡
Domain of Mastery คือสิ่งที่เราเรียนรู้และพัฒนาเพื่อให้เราเข้าใกล้เป้าหมายในชีวิต i.e. what you are learning to achieve your goals

Domain of mastery ของแอดคือ Data + Marketing/ SEO + Philosophy หรือของน้องพลอยคือ Product Mangagement + Content Marketing + Technology

[5] มองหาปัญหาและเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเองผ่าน domain of mastery แล้วนำความรู้นั้นมาประกอบร่างสร้างเป็น product/ solution แล้วเริ่ม monetize สร้างรายได้ก้อนแรก

มาถึงตรงนี้หลายๆคนมักเข้าใจผิด คิดว่าการเริ่มต้น one-person business ต้องสร้าง product ของตัวเองขึ้นมาก่อน ไม่จำเป็นเลย ความจริงคือเราสามารถนำ product ของคนอื่นมาต่อยอดก็ได้

ตัวอย่างของ Easlo เด็กอายุ 20 ต้นๆที่ขาย Notion Template มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 700,000 บาทต่อเดือน Easlo ไม่ได้สร้าง Notion เค้าแค่ใช้ทักษะที่เค้ามีสร้าง Template ใน Notion

It took me 2 years of hard work and consistency to get there. There is no overnight success or easy money. - Easlo
พี่อั้ม ตัวตึงแห่ง Mission To The Moon

[6] ทักษะการเขียนคือทักษะที่สำคัญที่สุดในยุคนี้ แค่เขียนเก่ง ก็สร้างธุรกิจเงินล้านได้ ถ้าเราไปดูตัวอย่าง value creators ในต่างประเทศหลายๆคนเติบโตมาจากการเขียนเกือบทั้งหมดเลย

📑 หนังสือที่แอดแนะนำเพื่อนๆทุกคนให้อ่าน ถ้าใครอยากอัพสกิล writing ให้เก่งขึ้นชื่อว่า Everybody Writes (2nd edition) ของคุณ Ann Handley เพิ่งอัพเดทเนื้อหาใหม่ปี 2022

ช่วงนี้ใครๆก็บอกว่า video content มาแรง แต่ขั้นตอนแรกๆยังไงก็ต้องใช้ทักษะการเขียนแบบเต็มๆ ตั้งแต่จดโน้ต หาไอเดียใหม่ draft script ไปจนถึงเขียน description และ #hashtag ของวีดีโอ

Everything the light touches is content. - Ann Handley

[7] เลือกใช้ social media และ content format ให้เหมาะสมกับธุรกิจของเรา

  • Twitter = แชร์ไอเดียสร้าง business platform
  • YouTube = Long form content เน้นวีดีโอยาวๆ แชร์ความรู้ ประสบการณ์ และ tutorials ต่างๆ จากงานวิจัยพบว่า users ส่วนใหญ่มอง YouTube เป็น education platform
  • Instagram/ Facebook = Short form content เช่น Reels หรือรูปภาพ quote ต่างๆ
  • Tik Tok ในฝั่ง one-person business เห็นคนใช้น้อยมาก อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจด้วย

อยู่หลายที่ ดีกว่าอยู่ที่เดียว แต่ไม่ได้แปลว่าเราต้องเอา content เราไปอยู่ในทุก platforms เพจแอดมี contents อยู่แค่สองที่เองคือ Facebook + YouTube ส่วนของน้องพลอยจะลง content หลักๆใน Tik Tok และ repurpose ไปลงที่ช่องทางอื่นๆ

💡
Context เมืองนอกจะต่างจากในไทยนิดนึงตรงที่ พวกเค้าใช้ Twitter เป็น business platform ในการสร้างธุรกิจและ distribution มีดราม่าบ้างแต่ไม่หนักเท่าบ้านเรา 555+

น้องพลอยบอกว่า "ถ้า content เราดีจริง เดี๋ยวมีคนช่วย copy ไปลงช่องทางอื่นให้เอง" ยั๊งงงง แถมได้ views มากกว่าต้นฉบับอีกนะ บ้าเอ้ย 555+

[8] ไม่มี social media platforms ไหนที่สู้บ้านของตัวเองได้เลย การมีเว็บไซต์ของตัวเองดีที่สุด จะใช้ WordPress, Wix, Squarespace หรือ No-Code ที่ตอนนี้มาแรงอย่าง Webflow ก็ได้

มีเว็บไซต์อย่างเดียวไม่พอ ต้องทำ SEO (search engine optimization) ด้วย และการจะติดหน้าแรกของ Google Search ได้ ต้องมี value content ที่ตอบโจทย์ users

Google ใช้หลักการที่เรียกว่า EAT + YMYL ในการจัดอันดับเว็บไซต์ สองคำนี้ย่อมาจาก Expertise, Authority, Tustworthiness และ Your Money Your Life ตามลำดับ

💡
YMYL คือ The 4 Eternal Markets ที่ Dan Koe พูดถึงบ่อยๆเลย Google ให้ความสำคัญกับ content ที่ช่วยให้ผู้อ่านมีความสุขขึ้น สุขภาพ การเงิน การงานดีขึ้น

[9] สูตรลับของ Ploy Anunyapalearn แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนง่ายๆ (แต่ทำไม่ง่ายนะ 555+)

  • ลงมือทำ เริ่มต้นทำ 2-3 คลิปง่ายๆ เรียนรู้วิธีการทำ content ไปด้วย
  • หาตัวเองให้เจอ อยากทำ content สไตล์ไหน รูปแบบอะไร อยากคุยกับใคร core target
  • สร้างฐานให้มั่นคง ทำให้ target หา content ของเราเจอง่ายๆ และทำให้เค้ากลายเป็น fan ของเรา กระจาย traffic/ distribution
น้องพลอยแชร์สูตรลับการทำ content

สิ่งสำคัญที่สุดที่น้องพลอยเน้นมากๆคือเรื่องความต่อเนื่อง หรือ consistency กางปฏิทินและลงวันที่ block วันไปเลยว่าวันไหนจะทำอะไรบ้าง แล้วก็ลงมือทำตามแผนที่วางไว้

อย่าคาดหวังว่าทำ content ครั้งแรก แล้วมันจะสำเร็จเลย ชีวิตเราต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ เรียนรู้จากข้อผิดพลาด และปรับปรุงในครั้งต่อๆไป

[10] สรุปสั้นๆ หัวใจของ One-Person Business คือการแก้ปัญหาให้กับ users ของเรา

น้องพลอยใช้ creator model สร้างรายได้ 6 หลักต่อเดือน แก้ปัญหาให้กับแบรนด์ต่างๆที่ต้องการโปรโมทสินค้าและสร้าง brand awareness ส่วนแอดใช้ educator model แก้ปัญหาให้กับนักเรียนใน bootcamp ที่อยากข้ามสายมาเป็น data analyst

กำลังชวนน้องพลอยย้ายมาใช้ educator model ด้วยกันอยู่ 555+

ยิ่งเราแก้ปัญหาให้ users เราได้ดีเท่าไหร่ (ดีกว่า competition) เราก็มีโอกาสสร้างรายได้ได้มากขึ้นเท่านั้น และข้อดีของ one-person business คือเราสามารถ tap เข้าไปที่ปัญหาใหม่ได้เรื่อยๆ

Clarity Framework ของ Dan Koe

ก่อนจบ workshop มีนักเรียนถามว่า "เราจะรู้ได้ยังไงว่าถึงเวลาที่จะลาออกจากงานประจำ มาลุยกับ one-person business แบบเต็มตัวได้แล้ว?"

อันนี้เป็นคำถามที่ดีมาก แอดก็เคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วเหมือนกัน ตอนตัดสินใจลาออกจาก dtac ตอนปลายปี 2020 คำตอบแอดก็สั้นๆเลย

"ลาออกตอนที่เรามี distribution หรือ traffic ขั้นต่ำให้เริ่มทำอะไรได้มากขึ้น"

ถ้าเราทำ Facbook page และมีคนติดตามประมาณ 8,000+ คนขึ้นไป และเป็นผู้ติดตามที่มีคุณภาพดูจาก engagement (like + share + comment) บนเพจ นี่คือสัญญาณที่ดีให้เรามองหาโอกาสในการ monetize สิ่งที่เรามีแล้วครับ

คำแนะนำสุดท้าย อาจจะดูย้อนแย้ง แต่อย่ารีบลาออกเลย 555+

มีรายได้หลายทางดีกว่าทางเดียวเสมอ ตอนแอดลาออกมาทำงานของตัวเอง ช่วงที่ยังไม่มี stable income อยากกลับไปทำงานประจำมากเลย 🤣

📑 ถ้าใครยังไม่เคยอ่านเรื่อง One-Person Business มาก่อน ลองอ่าน newsletter ฉบับแรกของ Duck Philosophy ได้นะครับ

ตัวอย่าง One-Person Business Models

อันนี้แถม! เพราะแอดสอนใน workshop ไม่ทัน 555+ เลยขอมาเขียนในบทความนี้แทน

มาทำความรู้จักกับ 5 business models หลักๆที่เราเห็นกันบ่อยๆทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งห้าโมเดลนี้พอเราสร้าง traffic มีผู้ติดตามเราแล้วในระดับหนึ่ง ก็เริ่ม monetize ได้เลย

  • Creator Model - รับงาน sponsored contents ให้แบรนด์ต่างๆ หรือทำพวก affiliate marketing รับค่า commission จากการโปรโมทสินค้า
  • Consultation Model - เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ หรือลูกค้าที่ต้องการคำแนะนำในเรื่องที่เราเชี่ยวชาญ ตัวอย่างเช่น business coach และ agile coach เป็นต้น
  • Educator Model - สร้าง knowledge products เช่น บทความ หนังสือ คอร์สเรียน เวิร์คช็อป นำไปโปรโมทและขายใน platforms ต่างๆ ตลาดคอร์สเรียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือ Udemy
  • Product Model - สร้าง product ขายเองเลย จะเริ่มเองจากศูนย์ หรือจะต่อยอดจาก product ที่คนอื่นทำไว้แล้วก็ได้ เช่น Notion Template ของ Easlo
  • Freelance Model - ขาย skills ที่เรามี แลกกับเงินค่าจ้างรายชั่วโมง รายวัน หรือตามโปรเจ็ค ตลาด freelance ใหญ่ๆในต่างประเทศ เช่น Upwork และ Fiverr
แอดซื้อคอร์สเรียนของ Colt Steele ครบทุกคอร์ส ถามว่ามีเวลาเรียนไหม 555+

ตัวแอดอาจจะ bias หน่อยๆ 555+ แต่เราเชื่อมั่นใน Educator Business Model ที่สุดเลย นี่คือโมเดลที่ดีที่สุดในการสร้างธุรกิจยุคนี้ และสามารถทำได้จริงด้วยตัวคนเดียว

Colt Steele เป็นหนึ่งใน creator ที่สอนบน Udemy คำนวณรายได้คร่าวๆของเค้าไม่น่าต่ำกว่า 250 บาท * นักเรียน 1.5 ล้านคน แบ่งคนละ 50% กับ platform มีรายได้อย่างน้อย 180-200 ล้านบาท

มีคนประเมิน net worth ของ Colt อยู่ที่ 5 ล้านเหรียญในปีนี้ ส่วน Udemy รายได้ปี 2022 อยู่ที่ 629 ล้านเหรียญ เติบโตขึ้น 22% ถ้าตลาด creator/ educator โตขึ้น Udemy ก็โตขึ้นเช่นกัน

ดาวน์โหลดฟรี Workshop Slide

แล้ว workshop ก็ผ่านไปได้ด้วยดี สอนจบทั้งหมดใน 1.5 ชั่วโมง เลยเวลาไปนิดหน่อย พี่ๆทีมงานต้องมาไล่แอดลงจากเวที เรียกว่า mission to the moon ของจริง 555+

ขอบคุณน้องพลอยที่ร่วมจัด workshop ด้วยกัน ขอบคุณพี่แทป พี่อั้มและทีมงาน Mission To The Moon ทุกคน ขอบคุณทีม TA ด้วย และขอบคุณนักเรียนทุกคนที่มาเข้า workshop ด้วยกันนะครับ

น้องพลอย น้องเมย์

✅ เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดเอกสาร workshop ได้ที่นี่ (PDF พิมพ์สี่สี มีภาพประกอบ มากกว่า 100 หน้า เผาแหลก เย้ 555+)  

One Person Business [Workshop] Final.pdf
One-Person Business [Workshop]

คุยกับน้องพลอยว่าอยากจัด One-Person Business | Solopreneur Workshop กันอีกรอบช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. 2566 ถ้าเพื่อนๆคนไหนสนใจอยากมาจอยกัน คอมเม้นต์ใต้โพสต์นี้ได้เลยนะครับ

งานนี้คิดว่าน่าจะฟรี (เหมือนเดิม) จัดเต็ม 3 ชั่วโมง เจอกันที่ coworking space สักที่ในกรุงเทพ เน้นสอน ไม่เน้นเก็บเงิน ยั๊งงง 🤣 ติดตามรายละเอียดได้เร็วๆนี้ครับทุกคน เย้

ปล. ตอนจัด workshop เวลาชนกับที่พี่เล้ง MFEC กับพี่เก่งขึ้นเวที main stage พอดี จะร้องไห้แล้วแอด รออ่านสรุป session นี้เลยครับ ใครเจอโพสต์ ชี้เป้าแอดหน่อย 555+